99 เรื่องฮาาา
01. the best friend กลายเป็น the worst enemy ได้ในชั่วข้ามคืน
02. ผู้ใหญ่ก็คือเด็กที่อายุมากแล้วนั่นแหละ เพราะผู้ใหญ่หลายๆ คนก็คิดและทำเรื่องงี่เง่า เหมือนที่เด็กชอบทำบ่อยจะตายไป
03. ผมไม่ดูหนังเรื่อง สุริโยไท ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รักชาติสักหน่อย
04. ราคากระเป๋าสตางค์ของ louise vuitton 1 ใบมากกว่าเงินเดือนของครูบางคนด้วยซ้ำ
05. ถ้าคุณไปกินต้มยำกุ้งในร้านอาหารไทยในยุโรป คุณต้องบอกด้วยว่า
"ผมเป็นคนไทย" ไม่งั้นคุณจะได้แกงจืดใส่กุ้ง 2 ตัว
06. ภาษาไทยได้รับเกียรติเป็น 1 ใน 4 ภาษา ที่ห้างวัตสันสาขาฮ่องกงเขียนตัวเบ้อเริ่มหน้าร้านว่า "ลดราคา" ช่วงปลายปี
07. ภาพตัวเองในบัตรประชาชนมักดูทุเรศกว่าตัวจริงเสมอ
08. นับวัน… มือถือถูกพัฒนาให้ห่างไกลความเป็นมือถือเรื่อยๆ
09. เงิน 550 บาทที่กินในร้านโออิชิ สามารถไปนั่งละเลียดกินอาหารญี่ปุ่นร้านอื่นได้อิ่มแทบอ้วก และอร่อยกว่าหลายเท่า
10. ถ้าคุณตักสลัดในร้านพิซซ่าได้เยอะและสวย คุณจะเป็น "hero"
แต่ถ้าคุณกินไม่หมด คุณจะกลายเป็น " ....
11. ถ้าคุณได้ที่จอดรถ ในห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ อาจเป็นเพราะชาติก่อนคุณทำบุญมาดี
12. การปรุงก๋วยเตี๋ยวก็ทำให้รสชาติแย่ลงได้
13. พิซซ่าหน้าเขียวหวานไก่ 1 ถาด สามารถซื้อข้าวราดแกงเขียวหวานไก่ได้ 10 จาน
14. เลสเบี้ยนก็คือ เกย์ ประเภทหนึ่งนี่เอง
15. หนังดีไม่จำเป็นต้องดัง หนังดังไม่จำเป็นต้องดี
16. แค่หมาเห่าดังๆทีนึง สัญญาณ PCT อาจจะหลุดได้
17. เพลงที่ คุณได้ฟังครั้งแรก แล้วบอกว่า "ไม่เพราะเลย" อาจจะกลายเป็น เพลงที่คุณชอบมากที่สุดในรอบปีหลังจากที่หลายๆคลื่นโหมกระหน่ำเปิดวันละ 275 รอบ
18. แมวตัวใหญ่กว่าหมาก็มีให้เห็นเยอะแยะ
19. ร้านชายสี่บะหมี่เกี๊ยวใส่ผงชูรสเยอะมาก
20. ผู้หญิงก็มีหนวดได้นะคะ
21. ผู้ชายมีหนวด ไม่จำเป็นต้องมีขนหน้าแข้งเสมอไป
22. ขนมที่ package สวยๆที่ขายตามห้าง ราคาแพงกว่าต้นทุน 5 -10 เท่าก็มี
23. คนไทยส่วนใหญ่ชอบซื้อเสื้อของ chaps หรือ jaspal หรืออะไรก็ช่าง ตอนที่เค้า clearance sale ช่วงที่เปลี่ยน season
24. ถ้าเพื่อนมาใช้คอมที่บ้าน หัดเช็ดคีย์บอร์ดให้สะอาดก่อน ไม่งั้นเพื่อนอาจจะไม่กล้าใช้
25. ร้านที่มีเชลล์ชวนชิมอาจจะอร่อยสู้ร้านที่ไม่มีก็ได้
26. ภูมิใจไว้ซะ…ไม่มีแมคโดนัลด์ประเทศไหนในโลกนี้ที่ขาย เบอร์เกอร์กะเพราหมู นอกจากประเทศไทย
27. แล้วแมคโดนัลด์เมืองไทย มีทั้งซอสมะเขือเทศ และซอสพริกให้คุณกินได้ไม่อั้น แต่ที่ USA ไม่มีให้กิน
28. แล้วเมืองไทยก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มี แมคฟิช ขาย
29. กินไดโดมอน ไม่ต้องให้ tip หรอก …มันมี service charge รวมไปแล้ว
30. โดเรมอน อิ๊กคิวซัง tom&jerry จัดเป็นการ์ตูนอมตะของคนไทย
31. ของขวัญอันประเสริฐที่พระเจ้าประทานให้แก่นักศึกษาทั้งหลาย คือ เครื่องถ่ายเอกสาร
32. ถึงจะเป็นอาจารย์ของจุฬา ก็เฉลยข้อสอบ entrance วิชาสังคมผิดเกือบ 20 ข้อ…
33. เว็บ dek-d.com ใช้ notepad เขียนทั้งหมด
34. เวลานางเอกกำลังวิ่งหนีฆาตกรที่กำลังตามฆ่า จะต้องหกล้ม 1
ครั้งแล้วคลานไปอีก 2 เมตร ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งอีกครั้ง
35. สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับ mv. เพลงอกหัก คือ ฝน
36. เม็ดไข่มุก ที่ใส่ในชานม ถ้ายังไม่ได้ต้ม ก็เหมือน อาหารปลาดุก
ที่ขายตามจตุจักรไม่มีผิด
37. ถ้ากินไม่เก่งจริง อย่าไปกิน buffet ที่ไหนเลย …ไม่คุ้มหรอก
38. คนส่วนใหญ่ เมื่อกินโออิชิเสร็จ มักจะทรมาณมากกว่ามีความสุขเพราะอิ่มเกินไป
39. คนเราพยายามแปลบททำนาย ของนอสตราดามุส ให้ใกล้เคียงกับคำว่า "โลกแตก"
มากที่สุด
40. ในวันเกิด …คุณสามารถกินไอติม swensen's ได้ฟรีมากกว่า 10 ลูก ถ้าคุณมีปัญญาเดินสายไปในแต่ละสาขาในวันนั้น
41. เป็นโสดเป็นเรื่องปรกติ แม้แต่ จูเลีย โรเบิร์ต ยังเป็นโสดเลย
42. หมาส่วนใหญ่น่ารักก็ตอนที่มันยังเป็น "ลูกหมา" เท่านั้นแหละ
43. ดูหน้าตาของคนขับ taxi ให้ดีก่อนที่จะโบก
44. เวลารอลิฟท์ อย่ากดซ้ำๆ …มันไม่ได้เร่งให้มาลิฟท์มาเร็วซักหน่อย
45. แล้วพอเข้าไปแล้ว กดแค่ชั้นที่ตัวเองจะลงก็พอ
ถ้าไม่อยากโดนด่าแม่ลับหลัง
46. อยู่ในลิฟท์ก็พูดได้ …ไม่มีกฏห้ามจ้ะ
47. ถ้าเดินอยู่ มาบุญครอง แล้วปวดห้องน้ำไม่มาก …กลั้นไว้ …แล้วเดินไป siam discovery แล้วค่อยเข้าจะดีกว่า
48. ผู้หญิงจีบผู้ชาย …เรื่องปรกติ
49. ฝรั่งบางคนข้ามน้ำข้ามทะเลมา พันธุ์ทิพย์ เพื่อซื้อ software
ที่ถูกที่สุดในโลก
50. นาฬิกาสวิสบางยี่ห้อ ซื้อที่ฮ่องกงยังถูกกว่าที่สวิส
51. ฮาวาย = เกาะพีพี + สาวบิกินี่
52. ดื่มลิโพเกินวันละ 2 ขวดก็ไม่ตาย …
53. ช่วงปี 43-44 ที่ผ่านมา ธุรกิจมือถือเมืองไทยขยายตัวแค่ 190% เอง
54. เนื้อหาเลข ม.ปลาย ที่ดูแล้วเป็น "รูปธรรม" มากที่สุดคือ สถิติ และ
เลขดัชนี
55. เด็กไทยบางคน เก่ง grammar มากกว่าเจ้าของภาษาซะอีก
56. ลายเซ็นต์ของ อ.อุ๊ไม่ได้ทำให้เราเอ็นท์ติด
57. ตำรวจทุกคนในประเทศไทยไม่มีจรรยาบรรณ เพราะ"จรรยาบรรณ" ใช้ได้กับอาชีพ ครู กะ หมอ เท่านั้น
58. เจอาร์ กับ วอย ไม่ได้เป็นพี่น้องกัน
59. ถ้าอยากตาย …เครื่องบินตกตายดีที่สุด ได้เงินเยอะ ไม่ทรมาณ …
60. ถึงเยาวราชจะขายของกินถึง ตี 2 ตี 3 แต่ถ้าจะกินก๋วยจั๊บ …ไปก่อน 4 ทุ่ม
61. กะเทยทำได้ทุกอย่าง ยกเว้น ตั้งท้อง
62. เกลียดขี้หน้าอาจารย์ - ครูคนไหน …ไหว้เขา แต่อย่าเคารพเขาถ้าเขาไม่ดีจริงๆ
63. เมืองไทยแทบไม่มีนักร้องผิวดำเลย
64. เกมบางเกมไม่จำเป็นต้องซื้อบทสรุป หัดมั่วเองบ้าง
65. ไม่จำเป็นต้องซื้อมือถือหรูๆ ตอนนี้ …เดี๋ยวมือถือ 3G ก็ออกมาเกลื่อนแล้ว
66. คนขนดกก็หัวล้านได้
67. นับวันนางสาวไทยจะพูดไม่ชัดขึ้นเรื่อยๆ
68. ส่วนใหญ่นางสาวไทยจะเป็นสาว imported กันทั้งนั้น
69. เน็ตเมืองไทยถูกกว่าที่นิวซีแลนด์หลายเท่านัก
70. ยอมรับเถอะ …ทุกวันนี้คุณก็ยังอ่านไทยรัฐ ถึงแม้ว่าคุณจะด่ามันทุกวัน
71. เช่นเดียวกับรายการตีสิบ …
72. ผู้หญิงขับรถบรรทุก …ไม่แปลก
73. แผ่นโปรแกรมรวมของ macromedia 150 บาทที่ขายที่พันธุ์ทิพย์
ราคาลิขสิทธิ์ประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท ซื้อ PC ดีๆได้เครื่องนึง
74. ถ้าทำรายงานเป็นกลุ่มสัก 10 คน …มีคนที่ทำจริงๆแค่ 3 คน
75. คำว่า mouse ใช้ภาษาไทยว่า "แท่งชี้เต้า"
76. คนเรามักง่วงตอนตื่น แต่ตอนจะนอนมักไม่ง่วง
77. พอถูกหักหลังแล้ว การถูกหักอก ไม่ได้ทำให้มันหักล้างกันได้
78. ดีใจซะเถอะ …เมืองไทยดู dragonball จบก่อนที่ USA ตั้งนาน
79. ทำไมคนเราถึงอยากให้โดเรมอนมีตอนจบ …ไม่เข้าใจ
80.
81. ถ้าใช้ talking - dict ก็อย่าหวังว่าจะจำศัพท์คำนั้นได้เลย
82. สุทธิชัย หยุ่น ก็เคยมีผมเหมือนกัน
83. พายไข่ กับ ชานมไข่มุก มีให้กินที่ไต้หวันมาเป็น 10 ปีแล้ว
84. อย่าไปกลัวเรื่อง virus computer มากนัก …ถ้าไม่สำส่อนทางเมล์ และ diskette
85. คณิตศาสตร์ไม่มีตัวตน มันเป็นศาสตร์ที่คนสมมติขึ้นมาเพื่ออธิบายความเป็นไปของโลกเท่านั้น … แต่แค่นี้ก็ทำให้นักเรียนเกลียดมันได้
86. ถ้าใช้โปรแกรมอะไรไม่เป็น …โทษ programmer ไว้ก่อน
87. สสารทุกชนิดละลายได้ เมื่ออยู่ในตัวทำละลายและอุณหภูมิที่เหมาะสม
88. ผู้หญิงหน้าอกใหญ่ไม่จำเป็นต้อง sexy
89. แล้วปอดใหญ่ไม่ได้ทำให้หน้าอกใหญ่ด้วย
90. ไป พันธุ์ทิพย์ …จอดรถที่สยามดิส แล้วค่อยนั่งรถเมล์ไป ดูจะมีความหวังกว่า การขึ้นไปวนหาที่จอดรถในนั้น ถ้าเราไม่ได้ยกอะไรไปซ่อม
91. โรงหนังบางโรง แถว A คือแถวหลังสุด แต่บางโรงมันก็เป็นแถวหน้าสุด
92. คอมที่เค้าใช้ขายตั๋วหนังน่ะ ใช้ window 3.11 หรือ window 95 กันทั้งนั้นแหละ
93. หนังสือบางเล่มก็สามารถตัดสินจากหน้าปกได้เหมือนกัน
94. เราเรียกหมาที่บ้านว่า "ลูก" แต่เรียกเพื่อนสนิทว่า "มัน"
95. บางทีเราก็ประมูลของจนราคามันสูงกว่าปกติหลายเท่าตัว
96. ในเน็ตเค้าประมูลเบอร์มือถือ VIP (เช่น 718-9999) กันเป็นแสน แต่ที่ mbk เค้าขายกันไม่ถึงหมื่น
97. เรียนมหาวิทยาลัยเอกชนก็ไม่ตาย
98. 4 ชาติที่ได้รับเกียรติขึ้นชื่อบนป้ายโรงหนังควบบ่อยที่สุด คือ ไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง
99. ทอดด์ ทองดี พูดไทยชัดกว่า อั๊ด อัษฎา
ที่มา http://www.fm-fanclub.com/viewthread.php?tid=1411
วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
2012
สมาคมดาราศาสตร์ไทย แจงข้อสงสัยมหันตภัย 2012จากเนื้อหาในอีเมล์โลกแตก 2012 ที่แพร่สะพัด ทำให้สมาคมดารา ศาสตร์ โดย นายวิมุติ วสะหลาย ได้เขียนชี้แจงข้อเท็จจริงว่า (1) ปฏิทินมายาทำนายว่า ปี ค.ศ. 2012 เป็นวาระสุดท้ายของโลกจริงหรือ?ปฏิทินมายามีหลายแบบ แบบหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับปี ค.ศ. 2012 คือแบบที่เรียกกันว่า ปฏิทินรอบยาว (long count) ระบุวันด้วยชุดของตัวเลข ตัวเลขชุดนี้แทนวันที่ได้ยาวนาน 5,126 ปี เทียบกับวันที่ตามระบบปฏิทินสากลตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 3,114 ปีก่อน คริสตกาลไปจนสุดจำนวนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 การสิ้นสุดของตัวเลขปฏิทินมายา หรือการครบจำนวนสูงสุดที่กำหนดไว้ในระบบนับวันระบบใดระบบหนึ่ง จะแสดงถึงการสิ้นสุดของโลกเชียวหรือ คอมพิวเตอร์สมัยก่อนก็มีระบบปฏิทินในตัวเครื่องที่แสดงวันเดือนปีได้จนถึงสิ้น ค.ศ. 2000 อันเป็นที่รู้จักกันในนามของปัญหา Y2K แต่เมื่อสิ้นสุด ค.ศ. 2000 โลกก็ไม่ได้แตกตามระบบนับวันของคอมพิวเตอร์ ทำนองเดียวกัน โลกก็จะไม่แตกสลายเพราะว่าสุดตัวเลขปฏิทินมายา หลังวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 ปฏิทินมายาก็จะเริ่มนับรอบใหม่(2) ในปีค.ศ.2012 จะเกิดพายุสุริยะโจมตีโลกจริงหรือ?จริง พายุสุริยะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเกือบตลอดเวลาและส่งผลกระทบถึงโลก และมีระดับความรุนแรงผันแปรเป็นคาบ คาบละประมาณ 11 ปี คาบที่ชัดเจนนี้ทำให้นักดาราศาสตร์พยากรณ์ได้ว่าช่วงสูงสุดหรือต่ำสุดของวัฏจักรสุริยะจะเกิดขึ้นเมื่อใด ช่วงสูงสุดของวัฏจักรที่จะเกิดในครั้งถัดไปคาดว่าจะอยู่ในช่วงกลาง ค.ศ. 2013 ช่วงสูงสุดของวัฏจักรสุริยะกินเวลายาวนานข้ามปี ดังนั้น แม้ช่วงสูงสุดจะอยู่ใน ค.ศ. 2013 แต่พายุสุริยะก็เริ่มจะกระหน่ำโลกตั้งแต่ก่อน ค.ศ. 2012 แล้ว แม้ช่วงปี 2013 จะอยู่ในช่วงสูงสุดของวัฏจักรสุริยะ แต่พายุสุริยะที่จะเกิดขึ้นก็ไม่ได้รุนแรงมากไปกว่าที่เคยเกิดขึ้นในรอบก่อน ซึ่งเกิดในราวปี ค.ศ. 2000, 1989 และก่อนหน้านั้น ความจริงมีแนวโน้มว่าช่วงสูงสุดของวัฏจักรที่จะมาถึงในปี 2013 จะอ่อนกำลังกว่าวัฏจักรก่อนหน้านี้เสียด้วยซ้ำ(3) ปี 2012 สนามแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนตำแหน่งจริงหรือ?จริง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่กำลังจะเกิดใน ค.ศ. 2012 หากแต่เกิดขึ้นตลอดเวลา นักวิทยาศาสตร์ทราบว่าขั้วแม่เหล็กโลกมีการเคลื่อนที่ตั้งแต่ที่ค้นพบขั้วเหนือแม่เหล็กโลกเมื่อกว่าศตวรรษก่อนแล้ว การเคลื่อนที่นี้เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยอัตราเฉลี่ยประมาณ 1 องศาต่อ 1 ล้านปีหรืออาจเร็วกว่านั้น การสำรวจในช่วงไม่กี่ปีมานี้พบว่า ขั้วเหนือแม่เหล็กโลกเคลื่อนที่เร็วขึ้น แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าโลกใกล้สลับขั้วหรือกำลังวิปริต เพราะอัตราการเคลื่อนที่มีขึ้นมีลงอยู่เสมอ(4) หากเกิดการสลับขั้วแม่เหล็กโลกจริง จะทำให้เกิดหายนะถึงขั้นผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากหรือไม่เนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกมีบทบาทสำคัญในการเป็นเกราะคุ้มกันรังสีอันตรายจากห้วงอวกาศ ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่าหากเกิดความผิดปกติของสนามแม่เหล็กโลก เช่น สนามแม่เหล็กหายไปซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีการสลับขั้วแม่เหล็ก ก็ย่อมส่งผลต่อสรรพชีวิตบนพื้นโลกอย่างแน่นอนผลกระทบที่ว่านี้จะรุนแรงถึงขั้นบาดเจ็บล้มตายหรือเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่หรือไม่? ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นจากการเทียบบันทึกการสลับขั้วแม่เหล็กโลกในอดีตซึ่งเกิดแล้วหลายครั้ง เราไม่พบว่ามีความสอดคล้องกับเวลาที่เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นบนโลก นี่น่าจะพอเบาใจได้ในระดับหนึ่งว่า หากโลกสลับขั้วแม่เหล็กในช่วงนี้ก็คงไม่ถึงขั้นคอขาดบาดตาย (5) ดาวนิบิรุ มีจริงหรือไม่?"นิบิรุ" เป็นชื่อเทพองค์หนึ่งของบาบิโลน ส่วนดาวนิบิรุเป็นดาวตามทฤษฎีของ "เซชาเรีย ซิตชิน" ซึ่งอ้างว่าถอดความมาจากจารึกของชาวสุเมเรียน ทฤษฎีนี้กล่าวว่าดาวนิบิรุเป็นดาวที่มีสิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรมอาศัยอยู่และเคยมาเยือนโลกเมื่อนานมาแล้ว แม้เรื่องดาวนิบิรุจะได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชื่นชอบเรื่องลึกลับ เรื่องจานบิน เรื่องมนุษย์ต่างดาว แต่เนื่องจากทฤษฎีนี้มีหลักฐานอ่อนมากและตั้งอยู่บนจินตนาการมากกว่าเหตุผล จึงไม่ได้รับการยอมรับในวงกว้างในวงการวิทยาศาสตร์ รวมถึงนักวิชาการด้านสุเมเรียนด้วย
นมช็อกโกแลต
ใครชอบกิน นมช็อกโกแลต บ้างเอ่ยยย
ใครชอบกิน นมช็อกโกแลต บ้าง ยกมือขึ้น!!! ดิฉันนำเกร็ดความรู้ๆ เกี่ยวกับนมช็อกโกแล็ตของโปรดของหลายๆ คนมาฝากกันค่ะ ตามมาเลย..คือมีการศึกษาพบว่า "การดื่มนมไม่มีไขมันกับโกโก้ชนิดมีสารฟลาโวนอยด์สูง อาจช่วยลดการอักเสบ หรืออาการธาตุไฟกำเริบ ทำให้หลอดเลือดมีสุขภาพดี เสื่อมหรืออุดตันช้าลง" โดยคณะนักวิทยาศาสตร์จากบาร์เซโลนา สเปน ทำการศึกษาในอาสาสมัครอายุ 55 ปีขึ้นไป 47 คนที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ แบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้ดื่มซองผงโกโก้ขนาด 20 กรัมกับนมไร้ไขมันวันละ 2 ครั้ง
นมช็อกโกแลต ชะลอการอักเสบ!!
อีกกลุ่มหนึ่งให้ดื่มแต่นมไร้ไขมันเปล่าๆ ติดตามไป 1 เดือน แล้วสลับกลุ่มทดลองแบบไขว้กัน คือ ให้กลุ่มดื่มนมช็อกโกแลตไปดื่มนมเปล่า และกลุ่มดื่มนมเปล่าไปดื่มนมช็อกโกแลต ผลการศึกษาพบว่า "กลุ่มที่ดื่มนมช็อกโกแลตมีสารเคมีที่บ่งชี้การอักเสบ หรือธาตุไฟกำเริบน้อยกว่า แถมยังมีโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) สูงขึ้นมากกว่าคนที่ดื่มนมเปล่า"
เห็นไหมคะว่า นมช็อกโกแลตมีประโยชน์มากกว่าที่คิด คนไหนที่ไม่ชอบดื่มนมาลองหันมาดื่มกันดูนะคะ นอกจากบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงแล้วยังช่วยป้องกันการเสื่อมของหลอดเลือดด้วย
วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ย่อจดหมาย เรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
ฉบับที่ 1 ประพันธ์เขียนจดหมายขณะเดินทางอยู่บนเรือในเนื้อความกล่าวถึงความทุกข์ใจที่ต้องจากประเทศอังกฤษเดินทางกลับมาประเทศไทยและบอกเล่าถึงชีวิต ผู้คนบนเรือ และกิจกรรมต่างที่ประพันธ์ทำขณะอยู่บนเรือ
ฉบับที่ 4 ประพันธ์เล่าถึงภารกิจที่ต้องทำหลังจากกลับถึงเมืองไทยว่าพ่อได้พาไปฝากงานในพระราชสำนักแต่ไม่มีตำแหน่งว่าง เล่าถึงความรู้สึกที่อยากใช้ความสามารถของตัวเองในการหางานทำ เล่าถึงการที่ตัวเองจะถูกคลุมถุงชนกับแม่กิมเน้ย ลูกสาวอากรเพ้ง นอกจากนี้ประพันธ์ยังเขียนข้อเสียของกรุงเทพที่ไม่ค่อยมีสถานที่เที่ยวดีดี
ฉบับที่ 5 ประพันธ์เล่าถึงว่าตนเองได้เข้าทำงานในกรมพาณิชย์และสถิติพยากรณ์ เล่าถึงแม่กิมเน้ยว่าหน้าเหมือนนางเอกงิ้ว และเล่าถึงผู้หญิงที่เจอที่โรงพัฒนากร ว่าชื่อ น.ส. อุไร พรรณโสภา เป็นลูกของพระพินิฐพัฒนากร
ฉบับที่ 6 ประพันธ์เล่าถึงว่าตนเองได้ทำความรู้จักกับแม่อุไรแล้ว ทั้งได้นั่งเรือไปดูการแต่ไฟในแม่น้ำด้วยกัน และเที่ยวด้วยกันทุกวันในช่วงฤดูหนาวจนชายหนุ่มทุกคนอิจฉา
ฉบับที่ 9 ประพันธ์เล่าว่าตนเองได้แต่งงานกับแม่อุไรแล้ว เนื่องจากแม่อุไรตั้งครรภ์ โดยจัดงานแต่งที่บ้านเนื่องจากรอพระราชทานงานแต่งไมได้ และไป honey moon ที่หัวหิน ซึ่งเป็นที่ที่ประพันธ์และแม่อุไรรักกันอย่างจริงจัง
ฉบับที่ 11 ประพันธ์เขียนจดหมายหลังจากกลับมาจากการ honey moon ที่หัวหิน ประพันธ์เล่าถึงการทะเลาะเบาะแว้งกับแม่อุไร ซึ่งเป็นการทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ประพันธ์จะทำอะไรก็ขัดใจแม่อุไรไปหมด และเล่าว่าแม่อุไรชอบทำตัวเหนือตนเอง
ฉบับที่ 12 หลังจากแม่อุไรแท้งลูก ก็มีกิริยาเปลี่ยนไป ออกเที่ยวกลางคืนคนเดียวทุกวัน สร้างหนี้สินมากมาย และไปสนิทสนมกับพระยาตระเวนนคร ถึงขั้นไปค้างคืนที่บ้าน ประพันธ์จึงทำการหย่าขาดกับแม่อุไรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฉบับที่ 13 หลังจากหย่าขาดกับแม่อุไร แม่อุไรก็ได้ย้ายไปอยู่กับพระยาตระเวนนครอย่างเปิดเผย และเล่าถึงประวัติของพระยาตระเวน ว่ามีเมียอยู่แล้วถึง 7 คน ประพันธ์ยังเล่าถึงความก้าหน้าในหน้าที่การงานของตนเองอีกด้วย
ฉบับที่ 15 ประพันธ์เล่าว่าช่วงงานฤดุหนาวเห็นพระยาตระเวนไปเที่ยวกับแม่สร้อย ซึ่งเป็นเพื่อนของลูกสาวพระยาตระเวนนครอยู่ตลอด แต่แม่อุไรก็ไม่ได้ทำอะไร อาจเพราะกลัวว่าจะไม่มีที่อยู่ เพราะแม่อุไรก็ได้ตัดขาดกับพ่อของตนเองแล้ว
ฉบับที่ 17 แม่อุไรไปหาประพันธ์ที่บ้าน มาอ้อนวอนขอให้ประพันธ์ช่วยรับเลี้ยงดู เนื่องจากแม่อุไรโดนไล่ออกจากบ้านของพระยาตระเวนนครแล้ว ประพันธ์จึงแนะนำให้แม่อุไรกลับไปง้อพ่อ และกลับไปอยู่กับพ่อดังเดิม
ฉบับที่ 18 ประพันธ์เล่าว่าแม่อุไรได้แต่งงานใหม่กับหลวงพิเศษผลพานิช พ่อค้าร่ำรวย และประพันธ์เองก็กำลังจะแต่งงานกับแม่ศรีสมาน ลูกสาวพระยาพิสิฐเสวก และให้ประเสริฐเตรียมตัวมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวได้เลย
วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552
วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
สอบเสร็จแล้ว...
เฮ้อ....ในที่สุดก็ได้พักผ่อนซะที
เหนื่อยกับการสอบมาทั้งอาทิตย์ อย่างว่าแหละ ชีวิตต้องสู้ ฉลามสู้ชีวิต 555++
วันนี้อากาศแจ่มใสเหมาะแก่การนอนจริงๆ แต่นึกได้เลยลุกขึ้นมาอัพบล็อกซะหน่อย
เดี๋ยวฝุ่นจะเกาะซะชิบ วันนี้ก้อนึกๆอยู่นะเนี่ยว่าจะเที่ยวไหนดี
วันเสาร์อันแสนสบาย แต่นึกๆแล้ว นอนอยู่กับบ้านดีกว่า
วันนี้อยากกินไอศครีมแต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครให้กินเลย ชิชิ จะฟ้องนายยก
วันนี้ก้อมาเขียนแค่นี้ละกัน พอแหละ เดี๋ยวเขาหาว่าบ้า...
ปล.รักทุกคนค่ะ
เหนื่อยกับการสอบมาทั้งอาทิตย์ อย่างว่าแหละ ชีวิตต้องสู้ ฉลามสู้ชีวิต 555++
วันนี้อากาศแจ่มใสเหมาะแก่การนอนจริงๆ แต่นึกได้เลยลุกขึ้นมาอัพบล็อกซะหน่อย
เดี๋ยวฝุ่นจะเกาะซะชิบ วันนี้ก้อนึกๆอยู่นะเนี่ยว่าจะเที่ยวไหนดี
วันเสาร์อันแสนสบาย แต่นึกๆแล้ว นอนอยู่กับบ้านดีกว่า
วันนี้อยากกินไอศครีมแต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครให้กินเลย ชิชิ จะฟ้องนายยก
วันนี้ก้อมาเขียนแค่นี้ละกัน พอแหละ เดี๋ยวเขาหาว่าบ้า...
ปล.รักทุกคนค่ะ
วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
**กินผักผลไม้ป้องกันโรค**
กินผักผลไม้ป้องกันโรค
การกินผักผลไม้เป็นสิ่งที่ดี และทราบหรือไม่ว่าสามารถป้องกันโรคได้ วันนี้มีเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ....
1. กินคะน้าตาไม่เป็นต้อ
คะน้าเป็นผักหาง่ายในท้องตลาด เป็นผักที่อุดมไปด้วย วิตามินซี วิตามินอี แคโรทีนอยด์ และโฟเลต นอกจากนี้ยังมีสาร "ลูทีน" ซึ่งเป็นสารสำคัญที่พบในเลนส์ตา จากงานวิจัยพบว่า การกินอาหารหรือพืชผักที่มีสารลูทีนสูง เช่น คะน้า จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกลงได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับคนที่ไม่กิน นอกจากนี้การกินคะน้าเป็นประจำ ยังช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ปอด และเต้านมอีกด้วย
2. กินเห็ดป้องกันกระดูกพรุน
คนส่วนใหญ่ทราบดีว่าการขาดวิตามินดีและแคลเซียม จะทำให้กระดูกไม่แข็งแรง ยิ่งอยู่ในวัยสูงอายุก็อาจเพิ่มอัตราความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุนได้ ล่าสุดนักวิจัยพบว่า การกินอาหารที่มีธาตุทองแดงเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้ และการขาดธาตุทองแดงแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้อาการกระดูกพรุนแย่ลงไปอีก ดังนั้นการกินอาหารที่มีธาตุทองแดงมาก เช่น เห็ด ปู กุ้งมังกร หอยนางรม ลูกพรุน ปลาซาร์ดีน จึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น
3. กินแอปเปิลให้ปอดแข็งแรง
ไม่ว่าจะกินแอปเปิลเขียวหรือแดงก็ดีต่อปอดเป็นที่สุด เพราะแอปเปิลมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ "เคอร์ซีทิน" สารตัวนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดอย่างได้ผล นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย วิธีการกินแอปเปิลให้ได้สารเคอร์ซีทีนมากที่สุดก็คือ ต้องกินผลสดทั้งเปลือก ซึ่งจะให้ได้รับสาร "เพกทิน" จากเปลือกแอปเปิลเพิ่มขึ้นด้วย สารเพกทินมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย ส่วนคุณสาว ๆ ที่ต้องการลดน้ำหนักการกินแอปเปิลจะช่วยให้อิ่มนาน ไม่รู้สึกหิว เพราะในแอปเปิลมีคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันทีถึง 75 เปอร์เซ็นต์ การกินแอปเปิลสด ได้ประโยชน์มากมาย
4. กินองุ่นทั้งเมล็ดช่วยชะลอความแก่
ใครที่อยากเป็นหนุ่มเป็นสาวสองพันปี เรามีวิธีการชะลอความชราด้วยการกินผลไม้ที่หาง่าย ๆ เช่น องุ่น และต้องเคี้ยวเมล็ดองุ่นด้วย เพราะในเมล็ดองุ่นมีสาร "โอพีซี" (oligomeric proanthocyanidin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า องุ่นจึงเป็นผลไม้ที่ช่วยรักษาสุขภาพจากภายใน ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณให้ดูอ่อนกว่าวัย ช่วยชะลอความชรา และเป็นสารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคที่เกี่ยวกับจอประสาทตาอีกด้วย
รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากมีสุขภาพดีก็หันมาทานผักผลไม้กันเยอะ ๆ ดีกว่า.
การกินผักผลไม้เป็นสิ่งที่ดี และทราบหรือไม่ว่าสามารถป้องกันโรคได้ วันนี้มีเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ....
1. กินคะน้าตาไม่เป็นต้อ
คะน้าเป็นผักหาง่ายในท้องตลาด เป็นผักที่อุดมไปด้วย วิตามินซี วิตามินอี แคโรทีนอยด์ และโฟเลต นอกจากนี้ยังมีสาร "ลูทีน" ซึ่งเป็นสารสำคัญที่พบในเลนส์ตา จากงานวิจัยพบว่า การกินอาหารหรือพืชผักที่มีสารลูทีนสูง เช่น คะน้า จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกลงได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับคนที่ไม่กิน นอกจากนี้การกินคะน้าเป็นประจำ ยังช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ปอด และเต้านมอีกด้วย
2. กินเห็ดป้องกันกระดูกพรุน
คนส่วนใหญ่ทราบดีว่าการขาดวิตามินดีและแคลเซียม จะทำให้กระดูกไม่แข็งแรง ยิ่งอยู่ในวัยสูงอายุก็อาจเพิ่มอัตราความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุนได้ ล่าสุดนักวิจัยพบว่า การกินอาหารที่มีธาตุทองแดงเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้ และการขาดธาตุทองแดงแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้อาการกระดูกพรุนแย่ลงไปอีก ดังนั้นการกินอาหารที่มีธาตุทองแดงมาก เช่น เห็ด ปู กุ้งมังกร หอยนางรม ลูกพรุน ปลาซาร์ดีน จึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น
3. กินแอปเปิลให้ปอดแข็งแรง
ไม่ว่าจะกินแอปเปิลเขียวหรือแดงก็ดีต่อปอดเป็นที่สุด เพราะแอปเปิลมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ "เคอร์ซีทิน" สารตัวนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดอย่างได้ผล นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย วิธีการกินแอปเปิลให้ได้สารเคอร์ซีทีนมากที่สุดก็คือ ต้องกินผลสดทั้งเปลือก ซึ่งจะให้ได้รับสาร "เพกทิน" จากเปลือกแอปเปิลเพิ่มขึ้นด้วย สารเพกทินมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย ส่วนคุณสาว ๆ ที่ต้องการลดน้ำหนักการกินแอปเปิลจะช่วยให้อิ่มนาน ไม่รู้สึกหิว เพราะในแอปเปิลมีคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันทีถึง 75 เปอร์เซ็นต์ การกินแอปเปิลสด ได้ประโยชน์มากมาย
4. กินองุ่นทั้งเมล็ดช่วยชะลอความแก่
ใครที่อยากเป็นหนุ่มเป็นสาวสองพันปี เรามีวิธีการชะลอความชราด้วยการกินผลไม้ที่หาง่าย ๆ เช่น องุ่น และต้องเคี้ยวเมล็ดองุ่นด้วย เพราะในเมล็ดองุ่นมีสาร "โอพีซี" (oligomeric proanthocyanidin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า องุ่นจึงเป็นผลไม้ที่ช่วยรักษาสุขภาพจากภายใน ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณให้ดูอ่อนกว่าวัย ช่วยชะลอความชรา และเป็นสารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคที่เกี่ยวกับจอประสาทตาอีกด้วย
รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากมีสุขภาพดีก็หันมาทานผักผลไม้กันเยอะ ๆ ดีกว่า.
ที่มา http://www.fwdder.com/topic/98221
วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
นอน นอน เถอะนอน อยากให้เธอง่วงนอน
นอน นอน เถอะนอน อยากให้เธอง่วงนอน
มหันตภัยของการนอนดึก การอดหลับอดนอนคงเป็นเรื่องธรรมดาของเหล่ามนุษย์เงินเดือนไปเสียแล้ว! ไม่ว่าจะเกิดมาจากสาเหตุใดก็ตามเถอะ แต่จงอย่าให้มันกลายเป็นความเคยชิน เพราะผลกระทบของการนอนดึกนั้นมันร้ายแรงกว่าที่คิดจริงๆ ถ้าคุณสาวๆ ยังไม่เชื่อลองมาดูความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อร่างกายของเหล่านักนอนเช้าตัวยงกัน
ระบบการย่อยอาหาร การอดหลับอดนอน ส่งผลให้ท้องอืด ท้องเฟ้อง่าย อาหารย่อยไม่ดี ทำให้อุจจาระหยาบ ต่างจากการนอนตรงตามเวลา นอนแต่หัวค่ำ อุจจาระที่ถ่ายออกมาก็จะสวย ไม่มีเศษอาหารติดอยู่ และไม่เหนียว หรือแข็งหยาบจนเกินไป
ทั้งนี้เกิดจากการที่ร่างกายของเรานั้นย่อยอาหารได้ไม่ดีและไม่หมด เพราะระบบการย่อยมันอ่อนล้าจากการที่นอนไม่เป็นเวลา
แนวทางแก้ไข จำเป็นต้องนอนดึกจริงๆ ให้หลีกเลี่ยงหรือลดอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ หรืออาหารเหนียวๆ เพื่อมิให้ลำไส้ทำงานหนัก เพราะหลังจากที่เราหลับไปแล้ว ถ้าคุณยัดอาหารหนักลงกระเพาะ ลำไส้ก็ยังคงต้องทำงานอยู่ มิได้พักผ่อน และทำให้เกิดปัญหา
แล้วถ้าหากตื่นนอนขึ้นมาแล้ว มีความรู้สึกอ่อนเพลีย ก็ควรที่จะรับประทานไข่ นม หรือน้ำผลไม้แทนอาหารหนักจำพวกเนื้อสัตว์ ก็จะสามารถรอดจากอาการท้องผูกเป็นประจำได้ แต่ทางที่ดีอย่านอนดึกเลย หรือจำเป็นจริงๆ ก็ควรออกกำลังหน้าท้องเข้าไว้ เพื่อสร้างกำลังให้ท้องสามารถรีดอุจจาระออกมาได้เร็ว
ระบบปัสสาวะลองสังเกตกันไหมว่า ถ้าเรานอนแต่หัวค่ำ (ประมาณ 3-4 ทุ่ม) พอรุ่งเช้าเราตื่นขึ้นมาก็จะปัสสาวะเพียงครั้งเดียวจบ แต่ถ้านอนดึก กลางดึกก็จะต้องลุกเข้าห้องน้ำอยู่บ่อยๆ
เพราะร่างกายใช้งานเกินลิมิตไปแล้ว กล้ามเนื้อข้างในเลยพยายามบีบคั้นเอาพลังงานออกมาใช้ จึงต้องใช้น้ำมาก ผลก็คือจะปัสสาวะบ่อย และนั่นเองที่ทำให้เกลือแร่ที่อยู่ในร่างกายจะถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะด้วย
แนวทางแก้ไข ให้รับประทานแคลเซียมเม็ดเพื่อป้องกันเลือดจาง แต่ควรทานวันละ 1 เม็ดเท่านั้น เพราะทานมากไปจะเกิดภาวะแคลเซียมพอก หรืออาการที่กระดูกงอกทับเส้นประสาท
แล้วต่อไปหากจำเป็นต้องนอนดึก ควรจะดื่มน้ำมากๆ และควรเติมเกลือลงไปในน้ำ เพื่อช่วยระบบเลือดและความดันโลหิตด้วย ส่วนคนที่ใช้เครื่องดื่มชูกำลังต่างๆ ควรเลิกซะ เพราะพอเราอยู่ดึกมากๆ และกลั้นปัสสาวะ มันก็จะซึมเข้าไปในเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย และจะไปประทุที่ขาหนีบ
ระบบเหงื่อสำหรับคนที่มีความเข้าใจว่า ถ้าไม่มีเหงื่ออกเสียเลยจะมีสุขภาพที่ดีนั้น เป็นความเข้าใจที่ผิดถนัด เพราะถ้าเหงื่อไม่ออก ความร้อนภายในร่างกายจะระบายไม่ได้ รวมไปถึงของเสียต่างๆ ที่จะถูกระบายพร้อมเหงื่อ ก็จะไม่ถูกระบาย ก็จะทำให้อึดอัด รวมไปถึงโรคผิวหนัง อาทิ สิว ฝ้า ก็จะถามหาเอาง่ายๆ
คนที่นอนดึกดังที่ทราบกันว่าจะไม่ค่อยมีเหงื่อออก จึงมักจะเผชิญกับปัญหาของเสียตกในอยู่เสมอ และแน่นอนว่าสิว ฝ้า ก็จะตามมาเป็นปัญหาต่อไป อีกทั้งถ้าเหงื่อไม่ออก การระบายน้ำก็จะตกไปเป็นภาระของไต เพื่อขับออกมาเป็นปัสสาวะ ไตเลยต้องทำงานหนัก แถมยังทำให้ปัสสาวะถี่อีกต่างหาก
แนวทางแก้ไข ก็คงไม่ต่างจากระบบอื่นๆ คือการดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆ และที่สำคัญควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเรียกเหงื่อให้ออกมา
12 สุขลักษณะการนอนที่ดี
1. จัดห้องนอนให้เหมาะแก่การนอนหลับ อาทิ ไม่ร้อนหรือหนาวเย็นจนเกินไป ไม่ควรมีเสียงดังอึกทึก ควรมีบรรยากาศเงียบสงบ หรืออาจมีเสียงเพลงเพราะๆ คลอเบาๆ
2. ใช้ห้องนอนสำหรับการนอนเท่านั้น งดเว้นกิจกรรมอื่นในห้องนอน เช่น ทานอาหาร หรือเล่นเกมต่างๆ
3. การดื่มนมอุ่นๆ สักแก้ว หรือกล้วยสักผลช่วยให้หลับได้ดีขึ้น
4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่กระตุ้นสมองทุกชนิด เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง ในตอนบ่าย ตอนเย็น หรือช่วงก่อนนอน
5. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ทุกชนิด เพราะจะมีสารเคมีที่ออกฤทธิ์ต่อสมองทำให้นอนไม่หลับ แม้ว่าเราจะเคยได้ยินมาว่า แอลกอฮอล์ช่วยให้หลับง่าย แต่ถ้าดื่มอย่างต่อเนื่องก็เป็นผลร้ายต่อการนอนเหมือนกัน ดังนั้นไม่ดื่มดีที่สุด
6. การออกกำลังกายในช่วงเช้าอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ วันจะช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น ไม่ควรออกกำลังกายหนักในช่วงเย็นหรือก่อนนอน
7. พยายามตื่นนอนให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน รวมไปถึงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดพิเศษอื่นๆ ด้วย เพราะวิธีนี้จะทำให้วงจรการหลับ-ตื่นของเราทำงานได้ดี
8. หลีกเลี่ยงการดูภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ หรือเล่มเกมคอมพิวเตอร์ ที่มีความตื่นเต้นในช่วงก่อนเข้านอน
9. พยายามไม่ดื่มน้ำมากในตอนเย็น เพื่อกลางดึกจะได้ไม่ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ
10. คนที่โกรธหรือหงุดหงิดเพราะตัวเองนอนไม่หลับนั้น ไม่ควรที่จะข่มตาบังคับให้หลับอีกต่อไป ควรลุกขึ้นออกจากห้องนอนมาหากิจกรรมอย่างอื่นทำ อาทิ อ่านหนังสือธรรมะสักเล่ม (ไม่ควรทำอะไรที่ตาสว่าง) เมื่อรู้สึกง่วงจึงกลับไปนอน
11. ถ้ารู้สึกว่าตัวเองตื่นมากลางดึกแล้วคอยดูเวลาอยู่เรื่อยๆ ก็ให้เก็บนาฬิกานั้นไปไว้ที่อื่น
12. ไม่ควรทานยานอนหลับ เพราะอาจส่งผลไปถึงการเป็นโรคสมองเสื่อม
7 เคล็ดลับสำหรับห้องนอนชั้นเยี่ยม
1. ห้องนอนควรอยู่ในที่อากาศโปร่ง มีลมเข้าออก และถ้ามีอากาศที่เย็นสบายอยู่แล้วในช่วงกลางคืน ก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้สิ้นเปลือง
2. ควรเปิดหน้าต่างห้องนอนทุกวันเพื่อให้อากาศถ่ายเท ไม่อับชื้น โดยเฉพาะในหน้าฝน
3. ผึ่งผ้าคลุมเตียงทุกเช้า รวมไปถึงชุดเครื่องนอนต่างๆ เพื่อไล่กลิ่นตัว เหงื่อ และไรฝุ่นที่ติดอยู่ให้สลายไป
4. ลดเครื่องใช้ไฟฟ้าให้น้อยชิ้น และตั้งเตียงให้ห่างจากปลั๊กไฟ เพื่อเป็นการลดสัมผัสกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ที่อาจทำให้คุณเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือโรคมะเร็ง
5. ควรเลือกเครื่องนอนที่ทำจากไม้ธรรมชาติและปราศจากสารพิษ
6. เวลาเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ให้นำที่นอนออกไปผึ่งแดดสักครู่ อาจจะดูดฝุ่น หรือฉีดพ่นด้วยน้ำเปล่าผสมน้ำมันยูคาลิปตัสเพื่อไล่ไรฝุ่น
7. ห้องนอนควรมีข้าวของเครื่องใช้ เครื่องตกแต่งน้อยชิ้น เพื่อสะดวกแก่การทำความสะอาด
พอกันที!! อาการกรนอาการกรน แม้จะเป็นอาการที่ไม่ร้ายแรงต่อสุขภาพเท่าไรนัก แต่ก็เป็นพฤติกรรมอันดับหนึ่งในการทำลายความสุขในการนอนของคนที่อยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกับคุณ คงไม่มีใครอยากฟังเสียงกรน คร๊อกๆ แล้วนอนอย่างมีความสุขกันหรอก
สาเหตุของการกรนนั้น มีหลายสาเหตุใหญ่ๆ ด้วยกัน ดังนี้ - เกิดจากจมูกตัน เนื่องจากอาการคัดจมูก ทำให้หายใจไม่ออก - เกิดจากการแพ้ แพ้อากาศ แพ้ขนสัตว์ หรือแพ้ไรฝุ่น- เกิดจากการหลับในท่านอนหงาย- เกิดจากการดื่มแอลกอฮอลล์มากเกินไป- เกิดจากการทำงานหนักและเหนื่อยมาก- เกิดจากการที่เรามีน้ำหนักตัวมากจนเกินไป
สำหรับการแก้ไขอาการกรนนั้น เราจำเป็นต้องรู้ถึงสาเหตุก่อนว่า อาการกรนเกิดมาจากอะไร เมื่อทราบแล้วก็แก้ไขตามสาเหตุ อาทิ
- ถ้าคุณแพ้อากาศ ก็หาเครื่องกรองอากาศมาติดตั้ง ถ้าคุณแพ้สัตว์เลี้ยงก็ย้ายไปนอกบ้าน- ถ้านอนหงายแล้วกรน ก็หาหมอนข้างสักอันมากอด แล้วเอาอีกอันดันหลังคุณไว้- ถ้าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ ก็งดดื่มซะ - ถ้ารู้สึกคัดจมูก หรือหายใจติดขัด ก็ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อหายาทาหรือสูดดมที่เหมาะสม
เรื่องของการนอนละเมอเคยสะดุ้งตื่นกลางดึก พูดเป็นเรื่องเป็นราวในขณะที่นอนหลับ หรือเดินออกมานอกบ้านโดยที่ตื่นเช้ามาก็ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปไหม อาการแบบนี้เรียกกันว่า ‘ละเมอ’ ละเมอ เกิดมาจาก 2 สาเหตุใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ
1. สิ่งกระตุ้นจากภายนอก เช่น หนังเขย่าขวัญ ภาพน่ากลัว หรือกิจกรรมในตอนกลางวันอันชวนตื่นเต้น ทำให้ฝังใจ แม้ยามหลับก็ยังนึกถึงอยู่
2. สิ่งกระตุ้นจากภายใน ความเครียด ความเหนื่อยล้า การปรับเปลี่ยนเวลานอน กรรมพันธุ์ เช่น การทำงานทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ได้พักผ่อน การคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ก่อนนอน
การละเมอในตอนดึก จะส่งผลทำให้ ในวันรุ่งขึ้นคุณจะทำงานได้ไม่ดี ไม่สดชื่นหลังจากตื่นนอน คุยกับเพื่อนก็ไม่สนุก หลับในที่ทำงาน เอาง่ายๆ คือประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ของคุณจะลดลง ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข
สมาคมแพทย์ประสาทวิทยาของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยผลการศึกษาว่า ได้มีผู้เกิดอาการละเมอเดินระหว่างการนอนมากขึ้น และมีผู้ละเมอเดินแล้วเกิดอุบัติเหตุมากถึง 32% และที่รุนแรงถึงกับได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออกมี 19%
สำหรับวิธีแก้ไขนั้น ควรจัดที่จัดทางในห้องนอนให้ดี เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการละเมอ ทำใจให้สงบ นั่งสมาธิก่อนนอน ทำจิตใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ และตรงเวลา
ไม่ควรทานยานอนหลับ แต่หากปฏิบัติตามนี้แล้วยังคงมีอาการละเมอที่หนักยิ่งๆ ขึ้นไปอยู่ ก็ควรที่จะเข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อรักษา
มหันตภัยของการนอนดึก การอดหลับอดนอนคงเป็นเรื่องธรรมดาของเหล่ามนุษย์เงินเดือนไปเสียแล้ว! ไม่ว่าจะเกิดมาจากสาเหตุใดก็ตามเถอะ แต่จงอย่าให้มันกลายเป็นความเคยชิน เพราะผลกระทบของการนอนดึกนั้นมันร้ายแรงกว่าที่คิดจริงๆ ถ้าคุณสาวๆ ยังไม่เชื่อลองมาดูความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อร่างกายของเหล่านักนอนเช้าตัวยงกัน
ระบบการย่อยอาหาร การอดหลับอดนอน ส่งผลให้ท้องอืด ท้องเฟ้อง่าย อาหารย่อยไม่ดี ทำให้อุจจาระหยาบ ต่างจากการนอนตรงตามเวลา นอนแต่หัวค่ำ อุจจาระที่ถ่ายออกมาก็จะสวย ไม่มีเศษอาหารติดอยู่ และไม่เหนียว หรือแข็งหยาบจนเกินไป
ทั้งนี้เกิดจากการที่ร่างกายของเรานั้นย่อยอาหารได้ไม่ดีและไม่หมด เพราะระบบการย่อยมันอ่อนล้าจากการที่นอนไม่เป็นเวลา
แนวทางแก้ไข จำเป็นต้องนอนดึกจริงๆ ให้หลีกเลี่ยงหรือลดอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ หรืออาหารเหนียวๆ เพื่อมิให้ลำไส้ทำงานหนัก เพราะหลังจากที่เราหลับไปแล้ว ถ้าคุณยัดอาหารหนักลงกระเพาะ ลำไส้ก็ยังคงต้องทำงานอยู่ มิได้พักผ่อน และทำให้เกิดปัญหา
แล้วถ้าหากตื่นนอนขึ้นมาแล้ว มีความรู้สึกอ่อนเพลีย ก็ควรที่จะรับประทานไข่ นม หรือน้ำผลไม้แทนอาหารหนักจำพวกเนื้อสัตว์ ก็จะสามารถรอดจากอาการท้องผูกเป็นประจำได้ แต่ทางที่ดีอย่านอนดึกเลย หรือจำเป็นจริงๆ ก็ควรออกกำลังหน้าท้องเข้าไว้ เพื่อสร้างกำลังให้ท้องสามารถรีดอุจจาระออกมาได้เร็ว
ระบบปัสสาวะลองสังเกตกันไหมว่า ถ้าเรานอนแต่หัวค่ำ (ประมาณ 3-4 ทุ่ม) พอรุ่งเช้าเราตื่นขึ้นมาก็จะปัสสาวะเพียงครั้งเดียวจบ แต่ถ้านอนดึก กลางดึกก็จะต้องลุกเข้าห้องน้ำอยู่บ่อยๆ
เพราะร่างกายใช้งานเกินลิมิตไปแล้ว กล้ามเนื้อข้างในเลยพยายามบีบคั้นเอาพลังงานออกมาใช้ จึงต้องใช้น้ำมาก ผลก็คือจะปัสสาวะบ่อย และนั่นเองที่ทำให้เกลือแร่ที่อยู่ในร่างกายจะถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะด้วย
แนวทางแก้ไข ให้รับประทานแคลเซียมเม็ดเพื่อป้องกันเลือดจาง แต่ควรทานวันละ 1 เม็ดเท่านั้น เพราะทานมากไปจะเกิดภาวะแคลเซียมพอก หรืออาการที่กระดูกงอกทับเส้นประสาท
แล้วต่อไปหากจำเป็นต้องนอนดึก ควรจะดื่มน้ำมากๆ และควรเติมเกลือลงไปในน้ำ เพื่อช่วยระบบเลือดและความดันโลหิตด้วย ส่วนคนที่ใช้เครื่องดื่มชูกำลังต่างๆ ควรเลิกซะ เพราะพอเราอยู่ดึกมากๆ และกลั้นปัสสาวะ มันก็จะซึมเข้าไปในเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย และจะไปประทุที่ขาหนีบ
ระบบเหงื่อสำหรับคนที่มีความเข้าใจว่า ถ้าไม่มีเหงื่ออกเสียเลยจะมีสุขภาพที่ดีนั้น เป็นความเข้าใจที่ผิดถนัด เพราะถ้าเหงื่อไม่ออก ความร้อนภายในร่างกายจะระบายไม่ได้ รวมไปถึงของเสียต่างๆ ที่จะถูกระบายพร้อมเหงื่อ ก็จะไม่ถูกระบาย ก็จะทำให้อึดอัด รวมไปถึงโรคผิวหนัง อาทิ สิว ฝ้า ก็จะถามหาเอาง่ายๆ
คนที่นอนดึกดังที่ทราบกันว่าจะไม่ค่อยมีเหงื่อออก จึงมักจะเผชิญกับปัญหาของเสียตกในอยู่เสมอ และแน่นอนว่าสิว ฝ้า ก็จะตามมาเป็นปัญหาต่อไป อีกทั้งถ้าเหงื่อไม่ออก การระบายน้ำก็จะตกไปเป็นภาระของไต เพื่อขับออกมาเป็นปัสสาวะ ไตเลยต้องทำงานหนัก แถมยังทำให้ปัสสาวะถี่อีกต่างหาก
แนวทางแก้ไข ก็คงไม่ต่างจากระบบอื่นๆ คือการดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆ และที่สำคัญควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเรียกเหงื่อให้ออกมา
12 สุขลักษณะการนอนที่ดี
1. จัดห้องนอนให้เหมาะแก่การนอนหลับ อาทิ ไม่ร้อนหรือหนาวเย็นจนเกินไป ไม่ควรมีเสียงดังอึกทึก ควรมีบรรยากาศเงียบสงบ หรืออาจมีเสียงเพลงเพราะๆ คลอเบาๆ
2. ใช้ห้องนอนสำหรับการนอนเท่านั้น งดเว้นกิจกรรมอื่นในห้องนอน เช่น ทานอาหาร หรือเล่นเกมต่างๆ
3. การดื่มนมอุ่นๆ สักแก้ว หรือกล้วยสักผลช่วยให้หลับได้ดีขึ้น
4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่กระตุ้นสมองทุกชนิด เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง ในตอนบ่าย ตอนเย็น หรือช่วงก่อนนอน
5. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ทุกชนิด เพราะจะมีสารเคมีที่ออกฤทธิ์ต่อสมองทำให้นอนไม่หลับ แม้ว่าเราจะเคยได้ยินมาว่า แอลกอฮอล์ช่วยให้หลับง่าย แต่ถ้าดื่มอย่างต่อเนื่องก็เป็นผลร้ายต่อการนอนเหมือนกัน ดังนั้นไม่ดื่มดีที่สุด
6. การออกกำลังกายในช่วงเช้าอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ วันจะช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น ไม่ควรออกกำลังกายหนักในช่วงเย็นหรือก่อนนอน
7. พยายามตื่นนอนให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน รวมไปถึงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดพิเศษอื่นๆ ด้วย เพราะวิธีนี้จะทำให้วงจรการหลับ-ตื่นของเราทำงานได้ดี
8. หลีกเลี่ยงการดูภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ หรือเล่มเกมคอมพิวเตอร์ ที่มีความตื่นเต้นในช่วงก่อนเข้านอน
9. พยายามไม่ดื่มน้ำมากในตอนเย็น เพื่อกลางดึกจะได้ไม่ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ
10. คนที่โกรธหรือหงุดหงิดเพราะตัวเองนอนไม่หลับนั้น ไม่ควรที่จะข่มตาบังคับให้หลับอีกต่อไป ควรลุกขึ้นออกจากห้องนอนมาหากิจกรรมอย่างอื่นทำ อาทิ อ่านหนังสือธรรมะสักเล่ม (ไม่ควรทำอะไรที่ตาสว่าง) เมื่อรู้สึกง่วงจึงกลับไปนอน
11. ถ้ารู้สึกว่าตัวเองตื่นมากลางดึกแล้วคอยดูเวลาอยู่เรื่อยๆ ก็ให้เก็บนาฬิกานั้นไปไว้ที่อื่น
12. ไม่ควรทานยานอนหลับ เพราะอาจส่งผลไปถึงการเป็นโรคสมองเสื่อม
7 เคล็ดลับสำหรับห้องนอนชั้นเยี่ยม
1. ห้องนอนควรอยู่ในที่อากาศโปร่ง มีลมเข้าออก และถ้ามีอากาศที่เย็นสบายอยู่แล้วในช่วงกลางคืน ก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้สิ้นเปลือง
2. ควรเปิดหน้าต่างห้องนอนทุกวันเพื่อให้อากาศถ่ายเท ไม่อับชื้น โดยเฉพาะในหน้าฝน
3. ผึ่งผ้าคลุมเตียงทุกเช้า รวมไปถึงชุดเครื่องนอนต่างๆ เพื่อไล่กลิ่นตัว เหงื่อ และไรฝุ่นที่ติดอยู่ให้สลายไป
4. ลดเครื่องใช้ไฟฟ้าให้น้อยชิ้น และตั้งเตียงให้ห่างจากปลั๊กไฟ เพื่อเป็นการลดสัมผัสกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ที่อาจทำให้คุณเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือโรคมะเร็ง
5. ควรเลือกเครื่องนอนที่ทำจากไม้ธรรมชาติและปราศจากสารพิษ
6. เวลาเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ให้นำที่นอนออกไปผึ่งแดดสักครู่ อาจจะดูดฝุ่น หรือฉีดพ่นด้วยน้ำเปล่าผสมน้ำมันยูคาลิปตัสเพื่อไล่ไรฝุ่น
7. ห้องนอนควรมีข้าวของเครื่องใช้ เครื่องตกแต่งน้อยชิ้น เพื่อสะดวกแก่การทำความสะอาด
พอกันที!! อาการกรนอาการกรน แม้จะเป็นอาการที่ไม่ร้ายแรงต่อสุขภาพเท่าไรนัก แต่ก็เป็นพฤติกรรมอันดับหนึ่งในการทำลายความสุขในการนอนของคนที่อยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกับคุณ คงไม่มีใครอยากฟังเสียงกรน คร๊อกๆ แล้วนอนอย่างมีความสุขกันหรอก
สาเหตุของการกรนนั้น มีหลายสาเหตุใหญ่ๆ ด้วยกัน ดังนี้ - เกิดจากจมูกตัน เนื่องจากอาการคัดจมูก ทำให้หายใจไม่ออก - เกิดจากการแพ้ แพ้อากาศ แพ้ขนสัตว์ หรือแพ้ไรฝุ่น- เกิดจากการหลับในท่านอนหงาย- เกิดจากการดื่มแอลกอฮอลล์มากเกินไป- เกิดจากการทำงานหนักและเหนื่อยมาก- เกิดจากการที่เรามีน้ำหนักตัวมากจนเกินไป
สำหรับการแก้ไขอาการกรนนั้น เราจำเป็นต้องรู้ถึงสาเหตุก่อนว่า อาการกรนเกิดมาจากอะไร เมื่อทราบแล้วก็แก้ไขตามสาเหตุ อาทิ
- ถ้าคุณแพ้อากาศ ก็หาเครื่องกรองอากาศมาติดตั้ง ถ้าคุณแพ้สัตว์เลี้ยงก็ย้ายไปนอกบ้าน- ถ้านอนหงายแล้วกรน ก็หาหมอนข้างสักอันมากอด แล้วเอาอีกอันดันหลังคุณไว้- ถ้าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ ก็งดดื่มซะ - ถ้ารู้สึกคัดจมูก หรือหายใจติดขัด ก็ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อหายาทาหรือสูดดมที่เหมาะสม
เรื่องของการนอนละเมอเคยสะดุ้งตื่นกลางดึก พูดเป็นเรื่องเป็นราวในขณะที่นอนหลับ หรือเดินออกมานอกบ้านโดยที่ตื่นเช้ามาก็ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปไหม อาการแบบนี้เรียกกันว่า ‘ละเมอ’ ละเมอ เกิดมาจาก 2 สาเหตุใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ
1. สิ่งกระตุ้นจากภายนอก เช่น หนังเขย่าขวัญ ภาพน่ากลัว หรือกิจกรรมในตอนกลางวันอันชวนตื่นเต้น ทำให้ฝังใจ แม้ยามหลับก็ยังนึกถึงอยู่
2. สิ่งกระตุ้นจากภายใน ความเครียด ความเหนื่อยล้า การปรับเปลี่ยนเวลานอน กรรมพันธุ์ เช่น การทำงานทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ได้พักผ่อน การคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ก่อนนอน
การละเมอในตอนดึก จะส่งผลทำให้ ในวันรุ่งขึ้นคุณจะทำงานได้ไม่ดี ไม่สดชื่นหลังจากตื่นนอน คุยกับเพื่อนก็ไม่สนุก หลับในที่ทำงาน เอาง่ายๆ คือประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ของคุณจะลดลง ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข
สมาคมแพทย์ประสาทวิทยาของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยผลการศึกษาว่า ได้มีผู้เกิดอาการละเมอเดินระหว่างการนอนมากขึ้น และมีผู้ละเมอเดินแล้วเกิดอุบัติเหตุมากถึง 32% และที่รุนแรงถึงกับได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออกมี 19%
สำหรับวิธีแก้ไขนั้น ควรจัดที่จัดทางในห้องนอนให้ดี เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการละเมอ ทำใจให้สงบ นั่งสมาธิก่อนนอน ทำจิตใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ และตรงเวลา
ไม่ควรทานยานอนหลับ แต่หากปฏิบัติตามนี้แล้วยังคงมีอาการละเมอที่หนักยิ่งๆ ขึ้นไปอยู่ ก็ควรที่จะเข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อรักษา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)